3 ประเภทนื้อผ้ากันน้ำ มารู้จักก่อนทำกระเป๋าพิมพ์แบรนด์ต้อนรับสงกรานต์

Image1

เทศกาลแสนสนุกอย่างวันสงกรานต์มาถึงคงหนีไม่พ้นกับแฟชั่น สีสดใส รับหน้าร้อน ที่ไม่ใช่กระเป๋าผ้าธรรมดาแต่ต้องมีคุณสมบัติกันน้ำได้ อีโก้แบ็คเลยอยากเอาเกร็ดความรู้ดีๆ ที่ให้เหล่าดีไซน์เนอร์และนักการตลาดที่กำลังออกแบบกระเป๋า ได้เลือกเนื้อผ้าสำหรับทำกระเป๋าผ้ากันน้ำเพื่อเทศกาลนี้โดยเฉพาะ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ามากที่สุดกันเลยค่ะ

ผ้ากันน้ำ เป็นผ้าที่มีคุณสมบัติกันน้ำได้ ส่วนใหญ่จะเป็นคุณสมบัติตามสารที่เคลือบอยู่บนตัวผ้าและวิธีการถักทอ รวมถึงความแน่นของเส้นใย ซึ่งผ่านการผลิตด้วยกรรมวิธีพิเศษหรือเคลือบสารบางชนิด ซึ่งในวงการผ้าที่นิยมจะนำมาทำกระเป๋าผ้าหรือถุงผ้า จะมีสารเคลือบกันน้ำอยู่ 2 ชนิด คือ PVC (Polyvinyl chloride) และ PU (Polyurethane) ผ้าที่เคลือบด้วย PVC หลังผ้าจะมีลักษณะคล้ายเคลือบยาง ซึ่งผ้าที่ผ่านการเคลือบจะมีความหนาขึ้นแข็งขึ้น การเคลือบผ้าหลัง PVC นอกจากจะเพิ่มคุณสมบัติการกันน้ำยังเพิ่มความทนทานให้กับเนื้อผ้ามากขึ้นด้วย ส่วนการเคลือบผ้าด้วย PU หลังผ้าที่เคลือบจะมีลักษณะเหมือนมีฟิล์มบางฉาบเนื้อผ้าไว้ค่ะ

ดังนั้นการเคลือบแบบ PU ถือว่ายังคงรักษาเนื้อสัมผัสของผ้าที่ไม่ต่างจากผ้าเดิม เพราะผ้าไม่ได้มีความหนากว่าเดิมมากนัก แต่ถ้าถามว่าผ้ากันน้ำเคลือบแบบไหนดีกว่ากัน คำตอบคือขึ้นอยู่กับลักษณะการนำไปใช้งานหรือรูปแบบกระเป๋าผ้าที่ต้องการผลิต แต่อย่างไรก็ตามหากจะแบ่งระดับการกันน้ำของผ้า เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำซึมลงเนื้อผ้าได้ โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ

Image3
1.Water Resistant ระดับเริ่มต้นของการกันน้ำ เกิดขึ้นจากตัวเนื้อผ้าเองที่ทำหน้าที่ เป็นเหมือนฉนวนกันละอองน้ำ ซึ่งเกิดจากการทอผ้าด้วยเส้นใย Polyester หรือ Nylon 100% โดยปกติเส้นใยทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นเส้นใยสังเคราะห์ที่ไม่ชอบดูดซับน้ำอยู่แล้ว เมื่อนำมาถักทอแบบ ขึ้น 1 ลง 1 เนื้อผ้าจึงแน่นขึ้นจึงมีคุณสมบัติ กันฝุ่น ลมเข้าได้ส่วนการที่ผ้าจะกันน้ำได้มากน้อยอยู่กับความแน่นของการทอผ้า ดังนั้นหากเส้นใยผ้าที่ใช้ทอมีความเล็กมากและถักทอแบบแน่นมากประสิทธิภาพการกันน้ำแบบละอองก็ทำงานได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

Image2
2.Water-Repellent สามารถอธิบายให้เข้าใจได้ในรูปแบบง่ายๆ คือ เมื่อมีน้ำสัมผัสกับผ้า น้ำจะไม่ สามารถซึมผ่านผ้านั้นได้ระยะเวลาหนึ่ง เหมือนน้ำที่กลิ้งบนใบบัว แต่หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ทำความสะอาดสักพัก น้ำนั้นจะซึมลงบนตัวผ้า ทำให้ผ้าชื้นและเปียก นิยมนำมาใช้กับผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ เพราะเป็นการตกแต่งพิเศษที่เพิ่มคุณสมบัติให้กับเนื้อผ้า โดยไม่ทำให้ผิวสัมผัสของเนื้อผ้าแตกต่างจากเดิมมากเนื้อผ้าที่มีคุณสมบัติกันน้ำระดับ water repellent จะเป็นเนื้อผ้าที่มีสารเคลือบ อย่างที่เคยกล่าวไว้คือ PVC/PU ดังนั้นประสิทธิภาพการกันน้ำขึ้นอยู่สารเคลือบ ซึ่งหากมีการใช้งานเป็นเวลานาน เช่น ซักทำความสะอาด การใช้งานที่เกิดการพับตัวกระเป๋าผ้า ก็อาจทำให้สารเคลือบมีรอยแตกหัก เกิดรู หรือร่อนออกตามการใช้งาน ก็จะทำให้ผ้ากันน้ำได้น้อยลงนั้นเอง ตัวอย่างผ้าที่มีคุณสมบัตินี้ เช่น ผ้าร่ม 210/420 D PU, ผ้าร่ม 210/420 D PVC, ผ้าลิปต๊อบเคลือบ PU/PVC , ผ้า 900D / 600D / 300 D เป็นต้นค่ะ

Image4
3.Water-Proof ต่างจาก Water-Repellent คือเมื่อน้ำมาสัมผัสกับผ้าจะไม่ใช่เพียงแค่น้ำเกาะตัวได้สัก พักแล้วซึมลงบนตัวผ้า แต่น้ำจะไม่สามารถเข้าไปในเนื้อผ้าได้ 100% ไม่ว่าจะผ่านไประยะเวลานานเท่าไร เนื้อผ้ากันน้ำลักษณะนี้จะมีวิธีการทอและการเคลือบสารกันน้ำไปพร้อมกันหรือเป็นเนื้อเดียวกัน เช่น ผ้ายาง ผ้า PVC หนังเทียม ผ้าเต้น ผ้าเคลือบพลาสติกต่างๆ เป็นต้น โดยส่วนใหญ่จะไม่นิยมกับผ้าบุเฟอร์นิเจอร์เพราะการตกแต่งกันน้ำประเภทนี้จะส่งผลทำให้ผิวสัมผัสของเนื้อผ้าเปลี่ยนไปจากเดิมมาก จะทำให้ผ้าแข็งและหยาบ ส่วนสำหรับการทำกระเป๋าผ้าแฟชั่น ผ้ากันน้ำแบบ 100% นี้ ถูกนำมาผลิตกระเป๋าผ้ากันน้ำสำหรับกีฬาทางน้ำ กระเป๋าผ้าดำน้ำ กระเป๋าภาคสนามหรือ Backpack สำหรับเดินป่า เป็นต้นค่ะ

สำหรับท่านใดที่สนใจอยากทำกระเป๋าผ้ากันน้ำ บริษัท อีโก้แบ็ค จำกัด ซึ่งหากใครสนใจสั่งผลิตกระเป๋าผ้ากันน้ำและอยากทราบว่าโรงงานจะมีผ้ากันน้ำอย่างที่ต้องการหรือไม่ ก็สามารถส่งตัวอย่างผ้า หรือสอบถามทางช่องทาง Line: @ecobag หรือโทร 064-159-4641 โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการปรึกษาและปรับแต่งสินค้าตามความต้องการ เพราะการเลือกเนื้อผ้าที่ดีไม่เพียงแต่ตอบโจทย์การใช้งานเท่านั้น การเลือกผ้าที่ใช่มีคุณสมบัติตามต้องการจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับการสั่งทำกระเป๋าผ้าของแบรนด์คุณได้เช่นกัน เรายินดีให้บริการออกแบบและรับผลิตกระเป๋าผ้า ทุกแบบ ทุกประเภท นอกจากนี้เรายังมีเนื้อผ้าหลากหลายให้ได้เลือกใช้ และพร้อมให้บริการสินค้าที่มีคุณภาพ อีกทั้งเรายังมีทีมงานมากประสบการณ์พร้อมด้วยการบริการที่รวดเร็วและตรงต่อเวลา โรงงานได้รับมาตรฐานสากล